Use this space to put some text. Update this text in HTML

Supawich L.. ขับเคลื่อนโดย Blogger.

บทความที่ได้รับความนิยม

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ แสดงบทความทั้งหมด

แหล่งจ่ายไฟ (Power Supply)

แหล่งจ่ายไฟ (Power Supply) เป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามมันเลยอุปกรณ์ชนิดนี้มีความสำคัญมาก เพราะว่ามันเป็นตัวที่ทำหน้าที่จ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆภายในเครื่อง โดยจะทำการแปลงกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ 220 โวลต์ที่ใช้กันตามบ้านเรือนให้เป็นไฟฟ้ากระแสตรงขนาด 3.3,5และ 12 โวลต์เพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้ยังต้องมีวงจรที่ควบคุมระดับของแรงดันไฟฟ้าให้คงที่(Voltage Regulators) ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มองกันง่ายๆก็เปรียบเสมือนหัวใจที่เต้นอยู่ตลอดเวลา เมื่อใดก็ตามที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ ระบบการทำงานของร่างกายก็ผิดพลาดหรือล้มเหลว

ภายในแหล่งจ่ายไฟจะมีหม้อแปลง(Transformer) ขนาดต่างๆกัน เพื่อทำหน้าที่แปลงแรงดันไฟฟ้าแต่ละระดับให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังมีตัวเก็บประจุ(Capacitor) และขดลวด (Coil) ซึ่งทำหน้าที่หรองแรงดันไฟฟ้าให้เรียบคงที่ตลอดเวลา พัดลมที่อยู่ภายในแหล่งจ่ายไฟจะทำหน้าที่ระบายความร้อนให้กับหม้อแปลง และยังช่วยระบายอากาศให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์

เคส (Case)



เคส (Case) มีลักษณะเป็นเหมือนกล่องทรงสี่เหลี่ยมทำด้วยโลหะหรือพลาสติกชนิดแข็ง เคสเป็นอุปกรณ์ที่ใ้ช้บรรจุชิ้นส่วนอุปกรณ์้ต่างๆ  ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น เมนบอร์ด(Mainboard) แรม(RAM) ซีพียู(CPU) การ์ดจอ(Graphic Card) ฮาร์ดดิสก์(Harddisk)และอื่นๆ  โดยทั่วไปเคสจะมี 2 แบบ คือแบบวางแนวนอนหรือแบบเดสท็อป(Desktop) และแบบวางแนวตั้งหรือแบบ(Tower)

สำหรับแบบทาวเวอร์นั้นยังแบ่งออกได้อีกเป็น 3 ขนาด คือ ขนาดเล็กที่เรียกว่า มินิทาวเวอร์(Mini Tower)
ขนาดกลางหรือมีเดียมทาวเวอร์(Medium Tower) และขนาดใหญ่หรือทาวเวอร์(Tower) เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานตามบ้านหรือสำนักงานส่วนใหญ่จะเป็นแบบมินิทาวเวอร์และมีเดียวทาวเวอร์ส่วนขนาดใหญ่นั้นมักพบในเครื่องเซิฟเวอร์ขนาดเล็ก

การ์ดแลน (LAN Card)

การ์ดแลน(LAN Card) เป็นชื่อที่เรียกกันติดปากทั่วไป แต่คุณรู้หรือไม่ว่าชื่ออย่างเป็นทางการของมันมีชื่อว่า การ์ดอีเธอร์เน็ต มีไว้สำหรับรับ/ส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะัมีสายที่ใช้เชื่อมต่อเครือข่ายเข้าด้วยกัน เรียกว่า สายแลน การเชื่อมต่อเครือข่ายและจะทำให้เราสามารถและเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างเครื่องได้สะดวกมากขึ้น อีกทั้งสามารถดเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ง่ายๆ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหลักเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

ส่วนเครื่องอื่นก็ใช้การแชร์อินเตอร์เน็ตผ่านทางเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหลัก ความเร็วในการ์ดแลนจะอยู่ที่ประมาณ 100 Mbps และเริ่มเข้าสู่ 1000 Mbps หรือเรียกกันว่า กิกะบิตแลน(Gigabit LAN) แต่ก็อย่างว่าแหละัครับ การเชื่อมต่อแบบแลนคือการแชร์ บางคนอาจจะเปิดมาก หรือเปิดน้อยขึ้นอยู่ว่าจะเล่นแบบไหน อาจทำให้เกิดการดึงกันระหว่างเครื่อง เครื่องที่เล่นไฟล์ที่ต้องใช้การดาวน์โหลดมากๆ ก็จะทำให้เครื่องอื่นเล่นได้ช้าลง

โมเด็ม (Modem)

โมเด็ม (Modem) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านทางสายโทรศัพท์ สำหรับโมเด็มที่นิยมใช้งานกันจะมีอยู่ 2 ประเภทคือ แบบติดตั้งกับเครื่องคอมพิวเตอร์(Internal) และแบบที่ติดตั้งภายนอกโดยใช้เสียบเข้าที่ด้านหลังของเครื่อง (External) สำหรับความเร็วของอินเตอร์เน็ตในปัจจุบัน ขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 56 Kbps

ในปัจจุบันมีการพัฒนาไปมาก คู่สายโทรศัพท์ได้รับการพัฒนาเป็นแบบดิจิตอลมากขึ้น โมเด็มแบบดิืจิตอล เช่น ADSL Modem, Cable Modem เป็นต้น ด้วยคู่สายแบบดิจิตอลทำให้มีความเร็วสูงถึง 24 Mbps และเทคโนโลยี 3G ที่เริ่มแพร่หลาย ได้รับความนิยมกันมากสำหรับผู้ที่ใช้อินเตอร์เน็ตไร้สาย หรือผู้ที่เชื่อต่อผ่านทางแอร์การ์ด ความเร็วของ ระบบ 3G จะอยู่ที่ประมาณ 7.2 Mbps

คีย์บอร์ดและเมาส์ (Keyborad&Mouse)

คีย์บอร์ดและเมาส์ (Keyborad&Mouse) เริ่มจากตีย์บอร์ดก่อนเลยครับ คีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุม สั่งการเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนเมาส์เป็ฯอุปกรณ์เสริมที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการควบคุมและสั่งการบนระบบปฏิบัติการ เมาส์จะมีอยู่ 2 แบบ คือแบบลูกกลิ้งและแบบแสง ปัจจุบันนิยมใช้แบบแสงกันเป็นอย่างมาก มีทั้งแบบธรรมดาและแบบไร้สายเพื่อการทำงานที่สะดวก บริษัทผู้ผลิตบางรายออกแบบเมาส์และคีย์บอร์ดมาให้สำหรับเกมเมอร์เพื่อความสะดวกในการเล่นเกมส์ มีการปรับแต่น้ำหนักของเมาส์ได้ มีอุปกรณ์เสริมมากมายเพื่อเอาใจคอเกมส์โดยเฉพาะ






จอภาพ (Monitor)

จอภาพ (Monitor) เป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ หน้าที่ของมันคือ ทำการแสดงผลของเครื่องคอมพิวเตอร์  จอภาพมีอยู่ 3 แบบ คือ


จอภาำพแบบหลอด CRT ซึ่งจะเหมือนกับจอภาพของโทรทัศน์ จอภาพแบบนี้ปัจจุบันได้รับความนิยมน้อยลง เื่นื่องจากมีขนาดที่ใหญ่ น้ำหนักมาก และยังมีรังสีออกมาจากจอภาพทำให้เกิดความร้อนสูงขณะใช้งาน







จอภาพแบบ LCD ซึ่งมีขนาดเล็กและบางกว่ามาก จึงใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าและถนอมสายตาของผู้ใช้ได้ดีกว่า








จอภาพแบบ LED เป็นจอภาพแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมการมาก ซึ่งจอภาพชนิดนี้จะใช้เทคโนโลยีไมโครคอนโครเลอร์ประมวลผลคำสั่งเพื่อให้หลอดไฟ LED แสดงภาพออกมา ลักษณะของจอภาพชนิดนี้จะมีหลอดไฟ LED เล็กเรียงกันอยู่ ภาพที่ออกมาจะมีสีสันสดใส สวยงามและมีความคมชัดกว่าจอ LCD มาก

ไดรว์ CD/DVD

ไดรว์ CD/DVD
ไดรว์ CD/DVD เป็นไดรว์ที่พบเห็นได้ทั่ว...ส่วนใหญ่ก็มีกันแหละนะครับยกเว้นบางที่ เช่น ร้านเกม บางแห่งเค้าไม่ใช้กันครับ พูดถึง  ไดรว์ CD/DVD ลักษณะการทำงานของมันเป็นยังไงไปดูกันครับ

ไดรว์ Blu-ray
ไดรว์ CD/DVD เป็นสื่อที่ใช้แสงเลเซอร์ในการอ่านข้อมูล ต่างจากพวกฟล็อปปี้ดิสก์และฮาร์ดดิสก์ที่ใช้สนามแม่เหล็กในการอ่านหรือเขียนข้อมูล เทคโนโลยีนี้ทำให้สามารถเก็บข้อมูลในระดับกิกะไบต์ได้ด้วยแผ่น DVD บางๆเพียงแผ่นเดียว และตอนนี้ก็มีสื่อทางแสงแบบใหม่ที่สามารถเก็บข้อมูลได้สูงถึง 30 GB ที่จะมาแทน DVD ก็คือ แผ่น Blu-ray  นั่นเองครับ

เมนบอร์ด (Mainboard) คืออะไร มีหน้าที่อย่างไร

เมนบอร์ด (Mainboard) คือ ศุนย์กลางของการเชื่อมต่อสำหรับอุปกรณ์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ มีชิปเซตที่ำทำหน้าที่รับ/ส่งข้อมูลของอุปกรณ์ต่างๆ อีกขั้นหนึ่ง เมนบร์ด (Mainboard)นิยมใช้มาตรฐานการออกแบบ ATX (Advance Technology Extension) ปรับปรุงจากระบบเก่าที่เป็นแบบ Body AT โดยแบบใหม่จะมีการปรับปรุงบริเวณ ซีพียู(CPU)โดยจะย้ายไปไกลพัดลมของแหล่งจ่ายไฟ(Power Supply) ทำให้สามารถระบายความร้อนได้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น

และล่าสุดนี้มีการพัฒนาแบบ BTX (Balance Technology Extension) ได้นำพัดลมมาไว้ด้านหน้าเึคสเพื่อนำลมเย็นเข้าไปภายในระบบและนำซีพียู(CPU)มาไว้ด้านหน้าเครื่องเพื่อรับสมเย็นโดยตรง ส่งผลให้ไม่จำเป็นต้องใ้ช้พัดลมที่มีความเร็วรอบสูงและเสียงดัง ปัจจุบันเมนบอร์แบบ BTX ไม่ได้รับความนิยมเนื่องจากเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์เกือบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น เคส ฮัตซิงค์ เป็นต้น



นอกจากเมนบอร์ดมาตรฐาน ATX (Advance Technology Extension) ปัจจุบันยังมีเมนบอร์ดมาตรฐาน Mini-ITX เป็นเมนบอร์ดขนาดเล็กสำหรับคอมพิวเตอร์ทีมีขนาดเล็กเพื่อความบันเทิงหรือ HTPC และเคสก็ออกแบบมาอย่างเหมาะสมเพื่อวาง LCD TV ตัวเมนบอร์จึงมีขนาดเล็กตามไปด้วย เมนบร์ดบอร์ดลักษณะนี้จะรวมทุกอย่างไว้บนเมนบอร์ดและมีเพียง 1 สล็อตเท่านั้น



ส่วนประกอบของเมนบอร์ดจะประกอบไปด้วย

  1. ซ็อกเก็ตซีพียู (CPU Socket)
  2. ชิปเซต (Chipset)
  3. ซ็อกเก็ตแรม (RAM Socket)
  4. สล็อตของการ์ดจอ (Graphic Card Slot)
  5. สล็อต PCI (PCI Slot)
  6. หัวต่อไดรว์ต่างๆ
  7. หัวต่อแหล่งจ่ายไฟ
  8. ชิปรอมไบออส (ROM BIOS)
  9. หัีวต่อสายสวิตช์ควบคุม
  10. พอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ

ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) คืออะไร ทำหน้าที่อย่างไร

ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) ถือว่ามีความสำคัญมาก ถ้าหากไม่มีฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ของคุณจะไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากขาดสื่อหลักที่ใช้ในการเก็บบันทึกข้อมูลของเครื่องคอมพิวเตอร์

ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) เปรียบเสมือนคลังเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีความจุที่ค่อนข้างสูง ภายในฮาร์ดดิสก์จะมีแผ่นจานเหล็กกลมแบบที่ใช้บันทึกข้อมูลวางซ้อนกันเป็นชั้นๆ และยึดติดกับมอเตอร์ที่มีความเร็วในการหมุนหลายพันรอบต่อนาทีโดยมีแขนเล็กๆที่ยื่นออดมา ตรงปลายแขนจะมีหัวอ่านซึ่งใช้สำหรับการอ่านหรือเขียนข้อมูลลงบนจานแม่เหล็ก การอ่านหรือเขียนข้อมูลของฮาร์ดดิสก์จะใช้หลักการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กที่หัวอ่านขนาดของจานที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ (Desktop) จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3.5 นิ้ว ส่วนถ้าเป็นฮาร์ดดิสก์ของโน้ตบุ๊คก็ประมาณ 2.5 นิ้ว

การ์ดเสียง (Sound Card) คืออะไร สำคัญแค่ไหน

การ์ดเสียง (Sound Card) เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของนักเล่นเกม หรือคนที่ชอบดูหนังฟังเพลงเลยก็ว่าได้ ถ้าหากขาดเจ้าตัวนี้ไป บอกได้เลยว่าการเล่นคอมของคนนั้นไร้ชีวิตชีวาจริงๆ เลย

การ์ดเสียง (Sound Card) คือแผงวงจรที่สร้างเสียงต่างๆ แล้วส่งไปยังลำโพง ปัจจุบันเทคโนโลยีของการ์ดเสียง (Sound Card) ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ในบ้านคุณกลายเป็นโฮมเธียเตอร์เลยครับ เทคโนโลยีเสียง 3 มิติ หรือระบบเสียงรอบทิศทางนั้นจะมีหลายชื่อ เนื่องจากผู้ผลิตต่างก็ต้องการที่จะคิดค้นเทคโนโลยีที่เป็นของตัวเอง เช่น EAX ของ Creative เป็นต้น

การ์ดเสียง (Sound Card) ประกอบด้วยชิปที่ทำหน้าที่ประมวลผลเสียงเป็นหลัก นอกจากนั้นจะเป็นหัวต่้อที่ใช้ต่อเพื่อนำสัญญาณเสียงเข้าและออกไปยังลำโพง เช่น หัวต้อนำสัญญาณเสียงจากไดรว์ซีดีรอม หรือจะเป็นหัวต่อทางด้านหลังของการ์ดเพื่อใช้ต่อออกไปยังลำโพง เป็นต้น

ชนิดของหัวต่อจะมี หัวต่อ/Line in , หัวต่อลำโพง/ Line Out  หรือสำหรับนักดนตรีก็จะมีหัวต่อที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่จุดประสงค์ของการใช้งาน

การ์ดจอ (Graphic Card) คืออะไร ทำหน้าที่อย่างไร

การ์ดจอ (Graphic Card) หรือการ์ดแสดงผล เป็นเหมือนสีสันของคอมพิวเตอร์เลยครับ การ์ดจอ (Graphic Card) คือ แผงวงจรที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ไปแสดงผลยังจอภาพ(Monitor) ในปัจจุบันจะมีรูปแบบของหัวต่อหรือสล็อต 2 แบบ คือ AGP (Accelerator Graphic Port)ซึ่งเป็นแบบเก่าตอนนี้ไม่นิยมกันแล้ว อาจจะเลิกผลิตไปแล้วก็ได้ครับที่เห็นๆ อยู่คงจะเป็นมือ 2 ที่ยังหลงเหลืออยู่หรือของที่ค้างสต๊อก และอีกระบบหนึ่งคือ PCI Express x16 ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด


โปรแกรมในปัจจุบันมีความต้องการการคำนวณทางด้านกราฟิคที่สูงมาก อย่างที่รู้ๆ กันคือ เกมส์ ที่เรากันอยู่ในปัจจุบันครับ บรรดาผู้ผลิตต่างก็พัฒนาเกมของตนให้มีภาพกราฟิคที่ละเอียดสมจริง การ์ดจอจึงต้องพัฒนาให้สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกราฟฟิคที่สวยงาม ตระกาลตา ปัจจุบันนี้ก็ HD(Hi definition) กันเกือบหมดแล้ว

แรม (RAM) คืออะไร มีหน้าที่อย่างไร

แรม (RAM) คืออะไร ทำหน้าที่อย่างไร ถ้าให้พูดกันลอยๆก็คงคิดกันไปว่า แรม ทำให้คอมเร็วขึ้นยิ่งแรมเยอะคอมเร็วก็ยิ่งเร็ว แต่รู้หรือไม่ว่าหน้าที่จริงๆ ของแรมนั้นคืออะไร

แรม (RAM : Random Access Memory) คือ หน่วยความจำที่ใช้เป็นหน่วยความจำหลักของเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นหน่วยความจำประเภทที่อ่าน/เขียน ข้อมูลลงไปได้ตลอดเวลา แต่ถ้าไฟดับหรือปิดเครื่อง ข้อมูลในหน่วยความจำจะหายหมดทันที

หน่วยความจำจะทำงานร่วมกันกับซีพียู (CPU)อยู่ตลอดเวลา่ แทบทุกจังหวะการทำงานของซีพียู (CPU) จะต้องมีการอ่าน/เขียนข้อมูลไปยังหน่วยความจำเสมอ หรือแม้แต่ในขณะที่เราสั่งย้ายข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งก็ต้องใช้หน่วยความเป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล

เปรียบเทียบง่ายๆ ก็ประมาณว่า แรมก็คล้ายๆ กับคลังขนส่งที่จะเป็นตัวกลางในการขนส่งสินค้า ในทีนี้ก็คือข้อมูลโดยจะทำงานร่วมกับบริษัทแม่ก็คือ ซีพียู (CPU) ที่เป็นตัวกลางในการรีบคำสั่งงานจากลูกค้าเพื่อมาประมวลผลแล้วส่งผลที่ได้ไปให้แรมนั่นเอง

ซีพียู (CPU) คืออะไร มีหน้าที่ยังไง



ซีพียู(CPU:Central Processing Unit)คือ หน่วยประมวลผลกลางในการทำงานของคอมพิวเตอร์ เจ้าซีพียู(CPU:Central Processing Unit) นี้เปรียบเสมือนสมองของคอมพิวเตอร์ภายในประกอบไปด้วยสารกึ่งตัวนำทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า ซิลิกอน(Silicon)โดยนำซิลิกอนมาเจือกับวัสดุบางชนิดเพื่อให้เกิดสภาวะของการนำไฟฟ้าได้ ซิลิกอนที่ผ่านการเจือเหล่านี้ จะถูกนำมาเรียงต่อกันเป็นทรานซิสเตอร์ ซีพียู(CPU :Central Processing Unit)มีจำนวนหลายสิบล้านตัวเลยทีเดียวครับ มีหน้าที่ คือ ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณ หรือการวิเคราะห์ข้อมูลก็ตาม แม้แต่การทำงานของอุปกรณ์อื่นๆ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ต้องอาศัยการสั่งการจากซีพียู(CPU:Central Processing Unit)เสมอ


ads by nuffnang